วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พับแบงค์แบบนี้...ทำได้ไงอ่ะ

พับแบงค์แบบนี้...ทำได้ไงอ่ะ






































































วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"กลิ่นปาก" เหม็นจังเลย







กลิ่นปาก" เหม็นจังเลย








เพื่อนๆเคยเกิดเหตุการณ์หมดความมั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่า "มีกลิ่นปาก" บ้างไหมจ๊ะ




ถ้าเคยล่ะก็ แล้วทราบกันหรือไม่จ๊ะว่าสาเหตุของกลิ่นปากเกิดมาจากอะไร




ขอบอกว่าไม่ใช่เพียงแค่อาหารอย่างเดียวนะจ๊ะ เพราะมันมาจาก.....











อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีรสจัดและมีส่วนประกอบของ หัวหอม


สะตอ กระเทียม ทุเรียน ปลาร้า กะปิ ฯลฯ







โรคฟันผุ ฟังดูว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหมจ๊ะที่ฟันผุเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้าง



ปัญหากลิ่นปากให้เราได้แล้ว แต่ขอบอกว่ามันเป็นความจริงจ้ะ เพราะฟันผุเป็นแหล่ง



สะสมเศษอาหาร ที่เมื่อทับถมไปนานๆ ก็จะบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็นออกมาได้






โรคเหงือกอักแสบ ถ้าเหงือกของเรามีอาการอักแสบมากก็จะทำให้เกิดหนองและ


แตกออกมาได้ ดังนั้นถ้าน้องๆ มีอาการแบบนี้ก็มีสิทธิ์มีกลิ่นปากสูงขึ้น








ไซนัสอักแสบ คนที่เป็นโรคนี้ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะพบ คือ


ปัญหาเรื่องกลิ่นปากและลมหายใจเหม็น








โรคเกี่ยวกับปอด ไม่ว่าจะเเป็นวัณโรคปอด มะเร็งปอด ฯลฯ


ผู้ป่วยก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดกลิ่นปากได้








ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ถ้า มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ทานอาหารแล้วไม่ย่อย ฯลฯ


ก็จะมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากได้ง่าย




เมื่อทราบถึงสาเหตุของกลิ่นปากแล้ว พี่ปัดว่าเรามาทราบถึงวิธีแก้ไขกันบ้างดีกว่า....





แปรงฟัน ให้สะอาดโดยอย่าลืมว่าจะต้องแปรงลิ้นด้วย


และปิดท้ายด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปากอีกครั้ง แค่นี้ลมหายใจของน้องๆ ก็จะหอมแล้ว




ฝรั่ง สำหรับคนที่ไม่มีเวลาแปรงฟันหลังจากทานอาหารเสร็จ


ให้เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยแทน เคี้ยวไปเรื่อยๆ จนเรารู้สึกฟันและปากของเราสะอาด





กินก้านผัก หรือ ฝรั่งบ้าง เพราะในอาหารเหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดซอกฟันได้







งดกินลูกอมที่มีรสหวาน เพราะลูกอมรสหวาน


เป็นอาหารของแบคทีเรียทำให้เติบโตได้ดี และเป็นสาเหตุ


ที่ทำให้เกิดฟันผุ และมีกลิ่นปาก






วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

OXFORD UNIVERSITY อยู่ในประเทศ อังกฤษ









OXFORD UNIVERSITY อยู่ในประเทศ อังกฤษ
และเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของอังกฤษ



































วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

AuOvOm~โรคที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้ !!

โรคที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้ !!
ขวัญผวากันทั้งโลก หลังจากมีไข้หวัดหมู (ชื่อแรก) ที่ต่อมาเพิ่มความน่ากลัวกลายเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเม็กซิโก ที่ตอนนี้ทำคนเสียชีวิตไปแล้ว 81 คน มีแนวโน้มว่าอาจเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก โดยเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ทั่วโลกแอบเสียวหลัง และจับตามองอย่าระมัดระวัง ตั้งระดับการเตือนภัยล่าสุดไว้ที่ 5 จาก 6 ระดับเลยมาทำความรู้จักไว้ก่อน จะได้เข้าใจพื้นฐานของไข้หวัด และป้องกัน รักษาตัวให้ไม่ต้องเสี่ยง
1. ควรหลีกเลี่ยงเข้าใกล้คนเป็นไข้หวัด หรือการใช้ชีวิตร่วมกันเกินไป อย่างเช่น รับประทานอาหารด้วยภาชนะเดียวกัน, ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ฯลฯ ไม่ได้ให้ไปรังเกียจเพื่อนๆ ที่เป็นไข้หวัดนะครับ แต่เตือนเอาไว้ให้ระวัง เผื่อใครเผลอใช้ชีวิตปกติจนชิน ช่วงนี้ไม่ได้แล้วนะครับ รัวะงตัวเอาไว้ก่อนดีกว่า อ่อ พวกหนุ่มๆ ที่มั่นใจในความแข็งแรง ก็อย่าเสี่ยงนะครับ ไวรัสเป็นเรื่องภายในร่างกาย กล้ามใหญ่แค่ไหน ก็สามารถเป็นได้
2. แม้เวลาไม่สบายจะเกิดอาการเบื่ออาหาร ไม่อยากกินอะไรเสียเลย แต่อาหารถือว่าสำคัญมากในการฟื้นไข้ เพราะร่างกายจะนำโปรตีนไปสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย บำรุงเม็ดเลือดขาวให้สู้ไวรัสกันเถอะ
3. เป็นเวลาเป็นไข้หวัด เราจะตัวร้อนเพราะ ไม่ใช่เพราะเชื่อโรคที่ทำให้ตัวของเราร้อนโดยตรง แต่เมื่อร่างกายมีเชื้อโรคเข้าไปมากๆ ทำให้ร่างกายขับสารบางอย่างออกมา ซึ่งถ้าสารนี้มีมากๆ ตัวตัดอุณภูมิในร่างกายก็จะเกิดอาการรวน จนร่างกายมีอุณภูมิสูง แล้วตัวร้อนนั่นเอง
4. ไวรัสโรคหวัด เป็นไวรัสที่แข็งแรงมาก สามารถอาศัยได้ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คุณมองอยู่นี่แหละ แม้แต่ผิวหนังของเราก็มีด้วย รอคอยเวลาที่ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ มันก็จะเข้ามาจัดการทันที
5. วิตามินซีไม่ได้ช่วยรักษาโรคไข้หวัด เพราะการกินวิตามินซีเป็นเพียงการช่วยการป้องกันเท่านั้น ถ้าเป็นไข้หวัดแล้ว วิตามมินซีก็ไม่ทันแล้วล่ะ
6.ไข้หวัดไม่มียารักษา เนื่องจากไวรัสของไข้หวัด แข็งแรงมาก ตอนนี้การรักษาทางการแพทย์ จะเป็นการฉีดวัคซีนต้องกัน(ขณะนี้ยังไม่มี และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ได้)
วิธีที่ดี และอุ่นใจที่สุดจากไวรัสโรคไข้หวัดคือ การป้องกันร่างกาย
ไม่ให้ไวรัสนี้เข้ามาทำร้ายเราได้ ด้วยวิธีทำได้ง่าย เช่น
กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด
ออกกำลังกาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ต้านทานไข้หวัด
หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการไอ จาม
อย่าอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดจนเกินไป
พักผ่อนให้เพียงพอ

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

AuOvOm~โรงแรมลอยฟ้า....สุดหรู

โรงแรมลอยฟ้า....สุดหรู

เอามาให้ดูกันนะค่ะ

































วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

AuOvOm~6 สำรวจรับเปิดเทอม!!



6 สำรวจรับเปิดเทอม!!





- เตรียมเครื่องเขียนที่ต้องใช้พร้อมแล้วหรือยัง? ลองสำรวจดูนะจ๊ะว่า ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด ฯลฯ มีพร้อมสำหรับเปิดเทอมนี้แล้วรึยัง ถ้ายังมีไม่ครบล่ะก็อย่าลืมไปหาซื้อมาให้ครบนะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องขอยืมเครื่องเขียนจากเพื่อนที่นั่งข้างๆ แต่ถ้าเรามีเครื่องเขียนที่เหลือจากภาคการเรียนที่แล้วก็อย่าลืมเอามากลับมาใช้กันด้วยนะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องซื้อของใหม่ทั้งหมด




- ตำราเรียนมีครบตามตารางวิชาที่จะเรียนแล้วหรือยัง? โดยปกติตำราหรือหนังสือที่ใช้เรียนนั้นเราจะได้รับก่อนที่จะถึงวันเปิดเทอมกันใช่ไหมจ๊ะ ซึ่งเมื่อได้มาก่อนแล้ว เราก็สามารถที่จะนำตำราเรียนเหล่านั้นมานั่งอ่านก่อนได้ เพื่อที่เมื่อถึงเวลาเรียนจริงแล้ว เราจะได้เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง






- ชุดนักเรียนชำรุดหรือไม่? ก่อนช่วงวันเปิดเทอมเราควรที่จะนำชุดนักเรียนมาสำรวจดูก่อนว่าขาด หรือหลุดที่ส่วนไหนบ้างรึเปล่า ถ้ามีเราจะได้นำไปเย็บปะให้ใช้ได้เหมือนเดิม ซึ่งวิธีนี้ถือว่าเป็นการช่วยบรรเทารายจ่ายของคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการซื้อชุดนักเรียนใหม่ด้วยนะจ๊ะ


- กระเป๋าและรองเท้านักเรียนฝุ่นเกาะหนาหรือไม่? เนื่องจากว่าเราหยุดปิดเทอมเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้กระเป๋าและรองเท้าของเราอาจจะถูกฝุ่นเกาะได้ ดังนั้นเมื่อถึงใกล้วันเปิดเทอมก็อย่าลืมหาผ้าจุ่มน้ำไปเช็คถูทำความสำอาดให้ดูใหม่กันด้วยนะจ๊ะ
- นอนหลับพอหรือไม่? ในคืนก่อนวันเปิดเทอม พี่ปัดมักจะตื่นเต้นกับการเปิดเทอมใหม่ทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร 555+ ดังนั้นการที่เราได้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนอกจากที่ทำให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่แล้ว ยังจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่นอีกด้วย สำหรับน้องๆ ที่ชอบนอนดึกในช่วงปิดเทอม พี่ปัดแนะนำให้นอนเร็วขึ้นหน่อยนะจ๊ะ เพื่อเป็นการปรับตัวต้อนรับการเปิดเทอมจ้ะ

- เตรียมเรื่องเม้าท์แล้วรึยัง? การเปิดเทอมนอกจากที่เราจะได้พบเจอกับวิชาที่แปลกใหม่แล้ว ยังจะได้เจอกับเพื่อนๆ ที่บางคนอาจจะไม่ได้เจอเลยในตลอดช่วงปิดเทอม เพราะเขากลับบ้านที่ต่างจังหวัด ดังนั้นในวันแรกของการเปิดเทอม
คิคิ พร้อมกานไหมจร้า
หนุกหนาน ๆ ๆ ๆ

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

AuOvOm~เชื่อไหม "คนนอนดึก - ตื่นสาย" ฉลาดกว่า "คนนอนไว - ตื่นเช้า"


เชื่อไหม "คนนอนดึก - ตื่นสาย" ฉลาดกว่า "คนนอนไว - ตื่นเช้า"



เคยมีคนพูดว่า "นกที่ตื่นแต่เช้า จะได้หนอนไปกินจนอิ่มท้อง" แต่จะมีใครรู้บ้างรึเปล่าคะว่า

ที่จริงแล้ว "นกฮูกราตรี" ต่างหากที่คือเจ้าแห่งสัตว์ปีกตัวจริง!!!


คนนอนดึกตื่นสายฉลาดและรวยกว่าพวกนอนหัวค่ำ - ตื่นแต่ย่ำรุ่ง ...



งานวิจัยนี้ช่วยปลอบใจได้พวกที่ชอบนอนดึกตื่นสายได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีงานศึกษาหลายชิ้นที่พบว่า คนตื่นสายมีแนวโน้มฉลาดและรวยกว่าคนตื่นแต่เช้ามืด สำหรับงานศึกษาล่าสุด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ได้นำคนสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกันโดยการมอบหมายภารกิจที่ใช้วัดปฏิกิริยาการตอบสนองและระยะเวลาที่คนๆ นั้นยังคงตื่นตัวกับการทำงาน



โดยระหว่างการทดลอง อาสาสมัครจะเข้านอนและตื่นตามเวลาปกติ โดยพวกที่นอนหัวค่ำมีแนวโน้มตื่นก่อนพวกนกฮูกถึงสี่ชั่วโมง
สำหรับผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารไซนส์ โดยได้ระบุว่า อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มทำภารกิจได้ดีพอๆ กันหลังจากตื่นนอนไม่นาน แต่หากผ่านไปสิบชั่วโมง พวกนอนดึกตื่นสายจะฉายแววโดดเด่นกว่า ทั้งทำภารกิจเร็วกว่าและมีปฏิกิริยาตื่นตัวดีกว่าด้วย



ดร.ฟิลิปเป้ เปโนซ์ จากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการวิจัยนี้ว่า แม้ตื่นนอนมานานพอๆ กัน แต่ดูเหมือนพวกนอนหัวค่ำจะรู้สึกง่วงงุนมากกว่า ซึ่งจากการสแกนสมองพบว่าบางส่วนในสมองที่เชื่อมโยงกับความสนใจทำงานที่ช้าลง




ในการศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการนอนดึกเกิดจากดีเอ็นเอ โดยนาฬิกาชีวภาพในร่างกายคนเราที่ควบคุมโดยพันธุกรรมจะเป็นตัวกำหนดว่าคนๆ นั้นจะเป็นนกน้อยที่ตื่นหากินแต่ย่ำรุ่งหรือเป็นนกฮูกตาโตยันดึก



นอกจากผลการวิจัยชิ้นนี้ ยังมีงานศึกษาอีกหลายชิ้นที่หักล้างความคิดที่ว่า เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าดีต่อสุขภาพร่างกาย สมองและฐานะ เนื่องจากพบว่าคนนอนดึกตื่นสายฉลาดกว่า สมองฉับไวคิดอะไรเร็วกว่า แถมยังมีความจำดีกว่า จึงหาเงินได้มากกว่า


ในรายงานชิ้นนี้ยังพูดถึง เหล่านกฮูกคนดังที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ชาร์ลส์ ดาร์วิน , อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และวินสตัน เชอร์ชิล ที่เข้านอนตอนตีสี่และตื่นสายโด่งเป็นประจำ ...



ในทางวิชาการ เชื่อกันว่าปัจจัยที่แบ่งแยกกลุ่มนกน้อยกับนกฮูกคือวิวัฒนาการที่เริ่มต้นจากยุคหิน โดยพวกตื่นเช้าจะเป็นพวกที่ออกไปหาอาหารการกิน ส่วนพวกนอนดึกมีหน้าที่ระวังภัยยามราตรี และทั้งสองกลุ่มต่างหลับสนิทอย่างอุ่นใจเพราะรู้ว่าสิ่งสำคัญจำเป็นของตนเองได้รับการดูแลเอาใจใส่แล้ว
แต่เมื่อถึงยุคสมัยที่มนุษย์เราเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชผักเป็นอาหาร พวกตื่นเช้าจึงเป็นที่ต้องการในสังคมเพราะเริ่มต้นทำงานก่อนใคร ขณะที่พวกตื่นสายถูกประณามว่าเกียจคร้านสันหลังยาว